เรื่องนี้เป็นบรรยากาศภายในห้องเรียนชั้น ป.4
ก่อนจะเริ่มเข้าสู่บทเรียน นักเรียนทุกคนตื่นเต้นอยากที่จะสัมผัสคอมพิวเตอร์ บางคนมือกำเมาส์ไว้แน่น บางคนมือจ่ออยู่ที่สวิทกดเปิด และภายในห้องเรียนเต็มไปด้วยคำถาม "คุณครูไปไหนมาคะ? ,คุณครูได้จับฉลากของขวัญปีใหม่มั้ยครับ? , คุณครูมีของขวัญปีใหม่มาให้พวกหนูมั้ย ?" เมื่อคำถามเกิดขึ้น ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นตามมา ครูเอจึงใช้วิธีการเก็บเด็ก เพื่อเรียกสมาธิเด็กให้กลับมาอยู่กับตนเอง โดยใช้กิจกรรม กำมือ-แบมือ
เริ่มต้นจากครูเอเป็นคนทำก่อน กำมือ-แบมือช้าๆ พร้อมกับพูดว่าคุณครูเอขอสัญญาณสำหรับนักเรียนที่พร้อม ให้ลองสังเกตครูเอแล้วทำตามสิ่งที่ครูเอกำลังทำ นักเรียนทั้งหมด 15 คน เริ่มกำมือ-แบมือ จาก 1 คน เป็น 2 คน จาก 2 คน เป็น 3 คน และเป็น 4,5,6,7,8,9.......และทุกคนก็อยู่ในจุดเดียวกัน เสียงที่ดัง ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็สงบลง กลับกลายเป็นความเงียบและความพร้อมเพรียง หลังจากทุกคนพร้อมครูเอก็เปลี่ยนให้สลับ จากที่ให้ทำตามครูเอ เปลี่ยนเป็นให้ทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามครูเอ นักเรียนทุกคนต่างปฏิบัติตาม ใช้เวลาในการเรียกสมาธิเพียง 5 นาทีเท่านั้น
พอทุกคนมีสมาธิ บรรยากาศในห้องเรียนก็น่าเรียนมากขึ้น สมองนักเรียนก็ปลอดโปร่ง พร้อมสำหรับการเรียนรู้ ทำให้การเริ่มบทเรียนเป็นไปด้วยความราบรื่น และนักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมในการเรียน
จากกิจกรรมดังกล่าว ถือว่ากิจกรรมนี้ประสบความสำเร็จ และทำให้ได้เรียนรู้ว่า การที่นักเรียนมีสมาธิจดจ่อในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จะส่งผลให้นักเรียนมีกระบวนการเรียนรู้ที่ดี มีประสิทธิภาพ เป็นระบบทั้งในด้านทักษะการฟัง การคิด การเขียน การอ่าน หรือการปฏิบัติกิจกรรมอื่นๆ การปรับสมาธิและการคงสมาธิอย่างต่อเนื่อง สามารถควบคุมเรื่องของความตื่นตัวในการเริ่มต้นปฏิบัติกิจกรรม การแสดงออก การมีเหตุมีผล การจัดลำดับก่อนหลัง และการควบคุมอารมณ์ความรู้สึก
ดังนั้น เราควรมุ่งเน้นการสร้างสมาธิก่อนเรียน เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนของนักเรียน
ขอบคุณครูเอค่ะ ดีใจที่ได้เห็นโรงเรียนทั่วไปใช้เทคนิคต่างๆ เหล่านี้ได้ค่ะ
ตอบลบความคิดของเด็กๆ ไม่ต่างกันค่ะ ขึ้นอยู่กับกิจกรรมและคำถามที่ใช้กับเด็ก เพราะจากการปฏิบัติกิจกรรม เด็กก็มีความคิดเห็นที่แตกต่าง ตามเหตุผลของแต่ละคน ซึ่งเห็นได้ชัดว่า เด็กทุกคนต่างรู้จักคิด เพียงแต่ คำถามนั้นจะกระตุ้นเด็กให้คิดได้แค่ไหน
ตอบลบ